Category Archives: เรื่องราวของอินเตอร์เน็ต

กิจวัตรประจำวันและกิจกรรมที่ชาวญี่ปุ่นต้องทำอย่างเป็นนิสัย

8

ญี่ปุ่นเป็นเมืองที่สะอาด ผู้ที่ไปพำนักอยู่ในญี่ปุ่นใหม่ๆ มักจะประสบปัญหาความละเอียดลออถี่ถ้วน (แบบญี่ปุ่น) ในเรื่องขยะ เริ่มตั้งแต่การแยกขยะ ซึ่งก็ต้องค่อยๆ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ของที่ต้องการจะทิ้ง ถือเป็นขยะอะไร จะต้องทิ้งวันไหน ทิ้งอย่างไรการจำแนกขยะเหล่านี้ เกี่ยวเนื่องกับวิธีการบรรจุเพื่อนำไปทิ้ง ถุงหรือภาชนะที่ใช้บรรจุ วันเวลาและสถานที่ทิ้ง ตลอดจนรายละเอียดปลีกย่อยบางประการ เช่น การผูกป้ายสำหรับทิ้งขยะบางประเภท (ป้ายเหล่านี้ต้องซื้อจากซุปเปอร์มาร์เก็ต มีราคาต่างๆ ตามลักษณะและขนาดของขยะที่จะทิ้ง) ถ้าผู้ทิ้งขยะทำไม่ถูกวิธี หรือจำแนกประเภทไม่ถูกต้อง ทิ้งผิดวันเวลา ทิ้งผิดสถานที่ ฯลฯ ก็อาจเกิดปัญหา เช่น ถูกตักเตือนจากเทศบาลไปจนถึงขั้นถูกปรับ หรืออาจเป็นการลงโทษทางสังคม เช่น เพื่อนบ้านติฉินนินทา ฟ้องเทศบาลหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ วันเวลาที่รถเก็บขยะจะมารับขยะแต่ละประเภทไปกำจัดนั้น กำหนดไว้แน่นอนชัดเจนและตายตัว ในเอกสารประชาสัมพันธ์ของอำเภอ รวมทั้งแผ่นพับ แผ่นปลิว และปฏิทินตารางวันเวลาในแต่ละปี เอกสารปึกใหญ่นี้ ทางอำเภอจะแจกให้ทุกครัวเรือนในเขตอำเภออย่างทั่วถึง พร้อมทั้งแจกตะกร้าพลาสติกสองใบ สีเขียวและฟ้าสดใส ให้คนที่มาอยู่ใหม่ เหมือนเป็นของขวัญจากเทศบาล แต่เมื่อเก่าหรือขาดชำรุดแล้ว ก็ต้องหาซื้อเอาเอง ไม่แจกให้อีกแล้ว

คนญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับเรื่องเวลามาก เรื่องการตรงต่อเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ชอบให้สิ่งต่าง ๆ เป็นไปตามเวลาที่กำหนดไว้เป็นอย่างยิ่ง ในการนัดพบกับใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการนัดหมายเรื่องงาน ถ้าไปสาย ก็จะสูญเสียความน่าเชื่อถือ ดังนั้น ถ้าทำท่าว่าจะสาย การโทรไปบอกล่วงหน้าว่าจะสายเป็นมารยาท เพราะคนญี่ปุ่นที่หงุดหงิดเพียงเพราะสายแค่ 5 นาทีนั้นมีอยู่มากมาย คนญี่ปุ่นจะเคร่งครัดในเรื่องกฎระเบียบพอสมควรไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรอขึ้นรถ การซื้อตั๋วหนัง แม้แต่การเข้าแถวรอเพื่อเข้าไปรับประมานอาหาร หรือเข้าห้องน้ำสาธารณะ ซึ่งในการเข้าแถวรอเข้าห้องน้ำ ก็จะต้องรอที่ทางเข้า ไม่ยืนรอที่หน้าประตูของห้องน้ำนั้นๆ

การดำรงชีวิตประจำวันของคนญี่ปุ่นที่มีความเป็นระเบียบ แต่เรียบง่าย

ชีวิตประจำวันของคนญี่ปุ่น

ต้องเริ่มต้นด้วยตอนเช้าตอนตื่นแน่นอน สำหรับคนในเมืองเขามักจะตื่นสายหน่อยประมาณ 6-7 โมง แต่คนต่างจังหวัดโดยเฉพาะในหมู่บ้านชาวเกษตรก็มักจะตื่นแต่เช้าเหมือนกัน ตี 4 ตี5 ก็เริ่มมีคนออกมาทำงานที่ทุ่งนาหรือมาซื้อขายของกันที่ตลาดกลางแล้ว แต่สำหรับตลาดของญี่ปุ่นนี้ไม่เหมือนกับตลาดสดของไทยคือที่ญี่ปุ่นผู้ผลิตตามปกติก็จะไม่มาขายให้กับผู้บริโภคโดยตรง ชาวเกษตร ชาวประมงจะนำผลผลิตมาที่สหกรณ์เกษตรหรือสหกรณ์ประมงก่อน แล้วสหกรณ์จะทำหน้าที่ที่รวบรวมสินค้าและส่งไปจำหน่ายที่เมืองใหญ่ๆที่ตลาดกลาง ในแต่ละท้องถิ่นนั้นก็มีสินค้าเกษตรที่ทางสหกรณ์นำมาขายแทนผู้ผลิต แล้วสำหรับคนที่ไปซื้อที่นั่นก็ไม่ใช่เป็นผู้บริโภค แต่เป็นพวกเจ้าของร้านขายผัก ร้านขายปลารายย่อย หรือพ่อครัวแม่ครัวของร้านอาหารต่างๆเท่านั้น

ชาวญี่ปุ่นมีพื้นฐานทางลักษณะนิสัย

เป็นคนรักธรรมชาติ สุภาพอ่อนน้อมและรักสันติ ตามประเพณีการปฏิบัติต่อเทพเจ้าต่างๆของศาสนาชินโด ซึ่งเป็นศูนย์รวมพิธีการดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น คุณลักษณะเหล่านี้เมื่อผสมผสานกับวัฒนธรรมของจีนและแนวความคิดตามหลักลัทธิขงจื้อซึ่งเข้ามามีอิทธิพลในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 11 นั้นแล้ว ทำให้ลักษณะนิสัยของชาวญี่ปุ่น เป็นคนรักธรรมชาติ รักหมู่คณะ เคารพบรรพบุรุษ สุภาพ อ่อนน้อม ขยัน อดทนซื่อสัตย์และกล้าหาญ ซึ่งเป็นลักษณะที่ถ่ายทอดมาถึงคนญี่ปุ่นในปัจจุบัน

ประเทศญี่ปุ่นเป็นเมืองที่สะอาด

ผู้ที่ไปพำนักอยู่ในญี่ปุ่นใหม่ๆมักจะประสบปัญหาความละเอียดถี่ถ้วนในเรื่องขยะ เริ่มตั้งแต่การแยกขยะ ซึ่งก็ต้องค่อยๆเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ของที่ต้องการจะทิ้งถือเป็นขยะอะไร จะต้องทิ้งวันไหน ทิ้งอย่างไร ซึ่งคนญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับเรื่องเวลามาก เรื่องการตรงต่อเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ชอบให้สิ่งต่างๆเป็นไปตามเวลาที่กำหนดไว้เป็นอย่างยิ่ง ในการนัดพบกับใครโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการนัดหมายเรื่องงาน ถ้าไปสายก็จะสูญเสียความน่าเชื่อถือ ดังนั้นถ้าทำท่าว่าจะสาย การโทรไปบอกล่วงหน้าว่าจะสายเป็นมารยาท เพราะคนญี่ปุ่นที่หงุดหงิดเพียงเพราะสายแค่ 5 นาทีนั้นมีอยู่มากมาย

สังคมของคนญี่ปุ่นเป็นสังคมที่ให้ความสำคัญต่อกลุ่มและสมาชิกในกลุ่มโดยมีสถานที่เป็นตัวบ่งบอกคนที่อยู่อาศัยในที่เดียวกันหรือทำงานในที่เดียวกันนั้นถือว่าเป็นพวกเดียวกัน และสำหรับคนที่อยู่ต่างสถานที่ต่างบริษัท ต่างประเทศจะถือว่าเป็นคนนอกหรือคนอื่น คนญี่ปุ่นจะใช้ภาษาและการปฎิบัติตนที่แตกต่างไปจากต่อคนที่อยู่ในสังกัดเดียวกัน โดยจะใช้ภาษาที่สุภาพและการถ่อมตนกับผู้ที่เป็นผู้อื่น แม้ว่าตนเองจะไม่รู้สึกยกย่องคนๆนั้นก็ตาม การใช้ภาษาของคนญี่ปุ่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เราเห็นลักษณะความสัมพันธ์ของคนญี่ปุ่นในสังคมได้ว่าคู่ที่สนทนาอยู่มีความสัมพันธ์กันอย่างไร ใครอาวุโสกว่าใครหรือสนิทสนมกันแค่ไหนเป็นกลุ่มเดียวกันหรือคนละกลุ่มเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย การใช้ภาษาในการพูดของคนญี่ปุ่นนั้นเมื่อพูดเรื่องของตนเองรวมไปถึงการกล่าวถึงสิ่งอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับตนเองแล้วคนญี่ปุ่นจะต้องใช้คำถ่อมตนเมื่อพูดกับคนอื่น และคำยกย่องเพื่อยกย่องคู่สนทนาด้วย

การใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อการดำเนินกิจวัตรประจำวัน

การใช้อินเตอร์เน็ตในการดำเนินกิจวัตรประจำวันในด้านการศึกษา เพื่อค้นคว้าหาข้อมูลไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ ซึ่งอินเตอร์เน็ตจะทำหน้าที่เหมือนห้องสมุดขนาดใหญ่ ส่งข้อมูลที่เราต้องการ มาให้ถึงบนจอคอมพิวเตอร์ที่บ้านหรือที่ทำงานของเราไม่กี่วินาทีจากแหล่งข้อมูลทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม ศิลปกรรม สังคมศาสตร์ กฎหมาย ความบันเทิง และการ พักผ่อนหย่อนใจ หรือสนทนาการ เช่น เลือกอ่านวารสารต่างๆ ผ่านอินเตอร์เน็ต ที่เรียกว่า magazine แบบ online รวมถึงหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่นๆที่เราสามารถดูผ่านทางเว็ปไซน์ต่างๆได้ โดยมีภาพประกอบบนจอคอมพิวเตอร์ เหมือนกับหนังสือปกติที่เราดูอยู่กันทุกวัน

ประโยชน์ของการใช้อินเตอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน ใช้ค้นหาข้อมูลข่าวสารที่อยากรู้รวมทั้งเหตุบ้านการเมืองต่างๆโดยค้นหาจากหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารต่างๆที่ออนไลน์อยู่บนเว็บ ใช้ในการทำธุรกิจค้าขายผ่านทางอินเตอร์เน็ท หรือที่เรียกกันว่า e-commerce ทั้งในด้านการซื้อ การขาย การตลาด การโฆษณา เพื่อเป็นการลดต้นทุน ใช้คุยกับเพื่อนผ่านทางmsn,chat หรือส่ง e-mailหากัน และผ่านบริการอื่นๆอีกมากมาย ใช้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันผ่าน blogใช้ในความบันเทิงต่างๆ เช่นฟังเพลง เล่นเกมส์ ดูทีวีออนไลน์ อ่านนิตยสาร ใช้หาข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาการเรียนออนไลน์ หรือe-learning รวมทั้งลงทะเบียนเรียนด้วย ใช้ค้นหาและดาวน์โหลดโปรแกรมซอฟต์แวร์ต่างๆ เพื่อปรับปรุงคอมพิวเตอร์ของเราให้ทันสมัยขึ้น ใช้หางานและสมัครงานผ่านอินเตอร์เน็ต ใช้ส่งงานและเขียนจดหมาย หรือe-mail ใช้ในงานธุระกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม คือ บริการจองห้องพักผ่านทางอินเตอร์เน็ต ธุระกิจสายการบินคือการจองตั๋วเครื่องบิน

ผลกระทบของการใช้อินเตอร์เน็ตในกิจวัตรประจำวัน อาจทำให้มีปัญหาสายตา เพราะการจ้องมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ การใช้ในทางที่ไม่ถูกก็เกิดผลเสียแก่ตัวของผู้ใช้เอง เช่นการขโมยข้อมูล การเกิดการล่อลวงหรือสื่อข้อมูลไปทางลามก อนาจาร และการติดเกมส์ของเด็กๆในสมัยนี้

ดังนั้นการการใช้อินเตอร์เน็ตในชีวิตประจำวันของคนเรามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งขึ้นอยู่กับบุคคลว่าจะใช้อินเตอร์เน็ตไปในทางใด ถ้าหากใช้ในทางที่ดีก็จะเกิดผลดีแก่ตัวเองและไม่สร้างความเดือนร้อนให้กับผู้อื่น